‘ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) กล่าวว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นที่ระดับ 3-4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง การส่งออกสินค้าที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง รวมถึงการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เร่งตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยจะมีสัญญาณที่ดี แต่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนและต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับสูง
สำหรับเป้าหมายของธนาคารในปีนี้ ทิสโก้ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตในระดับ 0-10% จากความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ทำให้สินเชื่อยังเป็นที่ต้องการอย่างมาก
โดยกลุ่มสินเชื่อรายย่อย ยังคงเติบโตจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ‘สมหวัง เงินสั่งได้’ ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 200 สาขา เป็น 850 สาขาทั่วประเทศ
ในส่วนของธุรกิจธนบดีธนกิจและตลาดทุน ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป และจากการคาดการณ์ที่ว่าปี 2567 ตลาดทุนจะฟื้นขึ้นทำให้ผลการดำเนินงานน่าจะฟื้นตัวขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ยังคงเน้นไปที่การหาพันธมิตรใหม่ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ที่ตอบโจทย์การวางแผนบริหารความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 2567 ยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ทำให้กรอบของ NPL ของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.5-2.75% จากปี 2566 ที่ 2.25% ส่งผลให้การตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
สำหรับผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 7,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับปี 2565 หลักๆ มาจากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อ
โดยเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 อยู่ที่ 234,815 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.2% จากปี 2565
ทั้งนี้ เป็นการเติบโตจากกลุ่มสินเชื่อบรรษัทขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น 33% และสินเชื่อรายย่อยจาก ‘สมหวัง เงินสั่งได้’ ที่เพิ่มขึ้น 25% จากแผนขยายสาขาทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม สินเชื่อเช่าซื้อกลับชะลอตัวจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์
